สารบัญ
10 โรงหมักสาเกโบราณในทางตอนเหนือของเกียวโตที่คุณต้องไปเยือน
พื้นที่ติดทะเลของเกียวโตที่ทอดตัวอยู่ตามแนวทางตอนเหนือของญี่ปุ่นนั้นคือสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับโรงหมักสาเกโบราณนับไม่ถ้วน
ทำความรู้จักร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ที่ให้บริการอาหารไม่เหมือนใคร
เกียวโตที่เป็นอดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่น ได้รับผลประโยชน์จากวัฒนธรรมด้านอาหารที่โดดเด่น ซึ่งผ่านการพัฒนามานานหลายร้อยปี แม้ว่าประเทศนี้อาจจะเป็นที่รู้จักกันในด้านอาหารทะเลที่ชวนให้น้ำลายไหลที่จับได้ใน มหาสมุทรที่อุดมสมบูรณ์โดยรอบ แต่เนื่องจากเกียวโตอยู่ห่างไกลจากชายฝั่งทะเล จึงส่งผลให้อาหารของเกียวโตแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
เนื่องจากเกียวโตตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์กลางของหมู่เกาะญี่ปุ่น ประเพณีด้านอาหารจึงเป็นผลมาจากสภาพภูมิอากาศและภูมิศาสตร์เฉพาะพื้นที่ ด้วยระยะห่างจากมหาสมุทรประมาณ 100 กิโลเมตร ภูมิภาคแห่งนี้จึงได้สัมผัสกับทั้งสภาพอากาศใกล้ชายฝั่งและไกลชายฝั่งที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของสมุนไพร ผัก และพืชตระกูลถั่วมากมายที่เป็นส่วนผสมสำคัญในอาหารพื้นเมืองมากมาย
ด้วยผลผลิตที่เฉพาะตัวที่มีความสำคัญต่ออาหารของภูมิภาคนี้ คำว่า เคียวยาไซ จึงถูกหยิบยกมาใช้เพื่ออธิบาย 19 พืชผักมรดกตกทอดที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นพืชผักประจำถิ่น จากการศึกษาบางส่วน ผักเคียวยาไซมีวิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยอาหารมากกว่าผักญี่ปุ่นชนิดอื่นๆ คุณจึงมั่นใจได้ว่าอาหารเกียวโตแบบดั้งเดิมมีโภชนาการชั้นเลิศที่ดีต่อสุขภาพและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี
นอกเหนือจากระบบนิเวศน์ที่ไม่เหมือนใครแล้ว อดีตอันยาวนานยังมีอิทธิพลอย่างมากต่ออาหารของเกียวโต เกียวโตที่ซึ่งอดีตเป็นทำเนียบพระราชวังแห่งจักรพรรดิของญี่ปุ่นมากว่าพันปี ได้รับผลประโยชน์จากการหลั่งไหลของผลผลิต เครื่องเทศ และอาหารจากดินแดนที่ห่างไกล ในขณะเดียวกัน ชนชั้นสูงได้พัฒนาวัฒนธรรมด้านอาหารของตนเองขึ้นมา เช่น พิธีชงชาไคเซกิ
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เพียงแต่ชนชั้นสูงของโตเกียวเท่านั้นที่พัฒนาวัฒนธรรมด้านอาหารขึ้นมา นอกจากนี้ เกียวโตยังกลายเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณแห่งศาสนาพุทธนิกายเซนของญี่ปุ่น โดยมีอาหารมังสวิรัติของพระสงฆ์ในญี่ปุ่น ซึ่งก็คือโชจินเรียวริ ที่ยังนิยมรับประทานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ในทำนองเดียวกัน ชนชั้นซามูไรที่ยึดอำนาจในการบังคับบัญชาของญี่ปุ่นจากขุนนางในปี 1185 ต้องการอาหารเรียบง่ายที่เน้นที่การบำรุงร่างกายมากกว่าอาหารที่ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรม
ด้วยหลากหลายปัจจัยที่เกื้อหนุนคุณลักษณะในยุคปัจจุบันของอาหารเกียวโต การได้ลิ้มลองอาหารดั้งเดิมเหล่านี้พร้อมด้วยการรังสรรค์ในแบบสมัยใหม่จึงเป็นวิธีการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องพื้นเมืองที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง
เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับการเดินทางชิมอาหารของคุณ เราได้นำเสนออาหารและเมนูที่น่าสนใจที่สุดประจำแต่ละพื้นที่ ในขณะเดียวกัน เรายังได้แนะนำร้านอาหารในเกียวโตร้านโปรดของเรา ซึ่งเป็นร้านที่คุณจะได้สัมผัสกับต้นแบบอาหารพื้นเมืองที่ยอดเยี่ยมที่สุด
หลังจากที่พระพุทธศาสนาเผยแพร่มาถึงญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 5 วัดเซนประมาณ 2,000 แห่งจึงผุดขึ้นทั่วเกียวโต เนื่องจากพระสงฆ์ที่ยังคงอาศัยอยู่ในวัดเหล่านี้ได้พัฒนารูปแบบอาหารในแบบของตน โดยเป็นที่รู้จักกันในชื่อโชจินเรียวริ นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเกียวโตจึงจะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารจากพืชเหล่านี้ในวัดและร้านอาหารทั่วทั้งเมือง
ตามประเพณีของชาวพุทธ อาหารโชจินเรียวริยังเลี่ยงการใช้ส่วนผสมที่มีรสจัด เช่น กระเทียมและหัวหอม ด้วยเหตุนี้ การประกอบอาหารเช่นนี้จึงใช้อาหารแห้งและอาหารจากถั่วเหลืองหมักแทน เช่น เต้าหู้ เพื่อสร้างอาหารที่สมดุลและมีคุณค่าทางโภชนาการ หากคุณจองที่พักที่วัดของศาสนาพุทธ มีแนวโน้มสูงที่คุณจะได้รับประทานอาหารโชจินเรียวริ
เกียวโตมีแหล่งน้ำหลายแห่งที่อ่อนโยนที่สุดในญี่ปุ่น ทำให้เหมาะสำหรับการสร้างผลิตภัณฑ์จากเต้าหู้ เช่น ยูบะ ฟองเต้าหู้แผ่นบางที่อยู่เหนือนมถั่วเหลืองต้มเดือดๆ นี้โดยปกติแล้วจะรับประทานสดๆ พร้อมซอสถั่วเหลือง อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งที่วัตถุดิบนี้จะถูกนำไปตากแห้งเป็นเวลาหลายวัน จากนั้นก็นำไปทอดกรอบแล้วนำไปใส่ในอาหารเมนูซุปและเมนูเส้น
ยูโดฟุเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารที่เรียบง่ายที่ประกอบด้วยเต้าหู้อ่อนนุ่มต้มในน้ำซุปร้อนๆ จากนั้น โดยปกติแล้วจะเสิร์ฟพร้อมสาหร่ายแห้งและต้นหอมสดๆ สับเป็นชิ้นๆ แม้ว่าอาหารจานนี้อาจฟังดูธรรมดา แต่การจะดึงเอารสชาติที่ละเอียดอ่อนออกมาให้ได้นั้นต้องใช้ส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงสุด ลองชิมเต้าหู้จานเคียงนี้เพื่อสัมผัสประสบการณ์รับประทานอาหารแบบพื้นฐานในเกียวโต
โซบะนิชินเป็นอาหารพื้นเมืองที่นิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลาย โดยคิดค้นขึ้นในเกียวโตในปี 1882 โดยโยซาคิจิผู้เป็นเชฟที่ใคร่รู้ที่ทำงานในร้านอาหารมัตสึบะ เนื่องจากอาหารทะเลสดยังเป็นวัตถุดิบที่หาได้ยากในช่วงศตวรรษที่ 19 เชฟจึงได้แทนที่ส่วนผสมที่สำคัญนี้ด้วยปลาเฮอริ่งแปซิฟิกดองในซอสถั่วเหลืองและน้ำตาล
เมนูนี้เสิร์ฟในน้ำซุปสึยุร้อนคู่กับโซบะบัควีท เห็ด และซอสต่างๆ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพ่อครัวในภูมิภาคนี้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์อย่างไร แม้ว่าปัจจุบันโซบะนิชินจะหารับประทานได้ทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น แต่ร้านอาหารต้นตำรับนี้ยังคงเปิดให้บริการจนทุกวันนี้ คุณจึงสามารถลิ้มรสโซบะนิชินในแบบต้นตำรับได้
วัฒนธรรมอาหารของเกียวโตโดยทั่วไปแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับซูชิ โดยมีสาเหตุมาจากชาวเมืองไม่สามารถรักษาปลาให้สดใหม่ได้ก่อนที่จะมีเทคโนโลยีสมัยใหม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหานั้นก็ไม่ได้หยุดผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารในภูมิภาคจากการพัฒนาการรังสรรค์เมนูอาหารญี่ปุ่นอันคลาสสิกนี้ในแบบของตน
เคียวซูชิทำมาจากปลาที่ผ่านการถนอมอาหารด้วยเกลือหรือน้ำส้มสายชู แม้ว่าเมนูนี้จะมีหลายรูปแบบให้ค้นพบในร้านอาหารทั่วเมือง แต่เมนูที่ได้รับความนิยมที่สุดคือซาบะซูชิเป็นแน่แท้ ด้วยการใช้ปลาแมคเคอเรลเป็นวัตถุดิบหลัก ซูชิสไตล์เกียวโตรสชาติล้ำลึกนี้พร้อมให้รับประทานบนข้าวน้ำส้มสายชูหวาน
โอบันไซเป็นแนวคิดการทำอาหารเชิงปรัชญาที่เป็นหัวใจหลักของอาหารสไตล์เกียวโต เมนูนี้ประกอบไปด้วยอาหารจานเล็กหลายจาน ซึ่งวิธีการปรุงอาหารภายในบ้านนี้ถือเป็นการแสดงความเคารพต่อส่วนผสมที่ใช้ประกอบอาหารโดยจะทิ้งให้เป็นของเสียให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ อาหารที่จะถือว่าเป็นโอบันไซนั้นส่วนผสมอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจะต้องมาจากภายในจังหวัดเกียวโต
โอบันไซที่ออกแบบมาให้ไม่ซับซ้อนนี้มักจะใช้ส่วนผสมจากอาหารทะเลและพืชผักที่โดยปกติแล้วมักจะถูกทิ้งเป็นขยะ แม้ว่าคำว่าโอบันไซจะมีต้นกำเนิดในปี 1964 เพียงเท่านั้น แต่เมื่อนักเขียนในท้องถิ่น ชิเกะ โอมารุ ได้เขียนอธิบายถึงการรับประทานอาหารในแบบเกียวโตในบทความหนังสือพิมพ์ คำคำนี้จึงได้กลายมาเป็นคำสำคัญทั่วประเทศญี่ปุ่น
ในทางตรงกันข้ามของโอบันไซ อาหารสไตล์ไคเซกิได้ถือกำเนิดขึ้นจากมรดกอันสูงส่งของเกียวโต ด้วยหลักการวาโชกุหรือความกลมกลืนของญี่ปุ่น อาหารที่มีความซับซ้อนนี้หลอมรวมเอาวัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาลเข้ากับการนำเสนอทางศิลปะ แม้ว่าการลิ้มลองในร้านอาหารไคเซกิขนานแท้อาจมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่ประสบการณ์การรับประทานอาหารนี้จะเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจไม่รู้ลืม
ด้วยการหยิบยกจุดเด่นมาจากอาหารฝรั่งเศสชั้นสูง เชื่อกันว่าไคเซกินั้นมีต้นกำเนิดมาจากงานรื่นเริงในยุคเอโดะที่ซึ่งชนชั้นสูงจะมารวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารอันหรูหราฟู่ฟ่า ด้วยภาพลักษณ์ที่ชวนให้หลงใหลและรสชาติที่น่าเพลิดเพลินใจ พร้อมให้คุณดื่มด่ำไปกับงานเลี้ยงอันหรูหรานี้ได้ผ่านการจองมื้ออาหารสไตล์ไคเซกิในระหว่างที่เข้าพักในเกียวโต
ญี่ปุ่นได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าเป็นประเทศที่ชื่นชอบชาเขียว อย่างไรก็ตาม เกียวโตมีความเชื่อมโยงพิเศษกับเครื่องดื่มที่เหมาะกับทุกโอกาสนี้ ด้วยเมืองทางตอนใต้ที่มีเสน่ห์อย่างเมืองอูจิที่ผลิตผงมัทฉะคุณภาพสูงโดยเฉพาะ โดยบดใบชาเขียวจนออกมาเป็นผงเนื้อละเอียด แม้ว่าส่วนใหญ่มัทฉะจะนิยมใช้ดื่มกัน แต่ก็ยังพบเห็นได้ทั่วไปในขนมหวานและอาหารคาวอีกด้วย
มัทฉะที่ปลูกในเมืองอูจิถูกนำมาใช้ในพิธีชงชาแบบฉบับชาวพุทธดั้งเดิมเป็นเวลาหลายร้อยปี โดยกล่าวกันว่ามีพระสงฆ์ที่วัดนิกายเซนจะชงเครื่องดื่มเพื่อถวายให้กับพระพุทธเจ้า ในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องดื่มทั่วไปสำหรับชนชั้นสูงของเมือง เนื่องจากชาเขียวมัทฉะได้รับความนิยมจากผู้คนในทุกระดับของสังคมเกียวโต ความนิยมอย่างกว้างขวางของชาเขียวมัทฉะจึงถูกหล่อหลอมขึ้นในยุคปัจจุบัน
หากอาหารพื้นเมืองจากเกียวโตเหล่านี้ฟังดูน่าสนใจอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนี้คุณเพียงแค่ต้องรู้ว่าจะหาร้านอาหารที่ให้บริการอาหารที่ดีที่สุดได้ที่ไหน ด้านล่างนี้ เราได้เลือกร้านอาหารชั้นนำบางแห่งในเกียวโตที่นำเสนอรสชาติพื้นเมืองในมาตรฐานสูงสุดที่มี
ทาคาโอะ คินซูอิเตะให้บริการที่พักและอาหารที่มีเสน่ห์พร้อมกับทิวทัศน์อันงดงามสงบนิ่งของแม่น้ำคิโยทากิ บริเวณเกสต์เฮ้าส์และร้านอาหารยังมีการจัดงานเทศกาลโนเรียวโดโกะเป็นเวลาหนึ่งเดือนตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน งานนี้ส่งเสริมให้ผู้มาเยือนมีส่วนร่วมใน ‘คาวาโดโกะ’ รูปแบบการรับประทานอาหารในฤดูร้อนโดยที่ร้านอาหารจะตั้งอยู่เหนือแม่น้ำโดยตรงหรือถัดจากแม่น้ำ
นอกจากนี้ยังมีการเฉลิมฉลองความงามของฤดูใบไม้ร่วงด้วยการจัดงานคาวาโดโกะเพื่อฉลองโมมิจิ ซึ่งเป็นว่า ‘แผ่นดินที่เต็มไปด้วยใบเมเปิล’ ประสบการณ์รับประทานอาหารแบบเกียวโตสุดพิเศษนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน เพื่อประสบการณ์ในการเยี่ยมชมที่ดีที่สุด ลองเดินเขาระยะเวลา 2 ชั่วโมงตามเส้นทางธรรมชาติโตไก ซึ่งเป็นเส้นทางเดินผ่านอาราชิยามะและคิโยทากิก่อนที่จะไปถึงทาคาโอะ
วิธีเดินทางไปยังทาคาโอะ คินซูอิเตะ: โดยสารรถบัสสายทาคาโอะ เคโฮคุไปยังป้ายมากิโน นอกจากนี้ ร้านอาหารยังให้บริการรถรับส่งตามฤดูกาล โดยออกเดินทางสำหรับอาหารกลางวันเวลา 11:00 น. จากทางออกฝั่งตะวันตกของสถานี JR นิโจ (วันที่ 1 พฤษภาคมถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน) และอาหารมื้อค่ำจากโรงแรมที่สำคัญหลายแห่ง (วันที่ 1 มิถุนายนถึงสิ้นเดือนกันยายน)
• ที่อยู่: 40 Umegahata Tonohatacho, Ukyo-ku, Kyoto city, Kyoto prefecture 616-8293
• เวลาทำการ: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:30 น. ถึง 15:00 น. และ 17:30 น. ถึง 21:30 น.
• สำหรับโนเรียวโดโกะ: อาหารกลางวันมีตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมถึงสิ้นเดือนกันยายน และอาหารค่ำมีตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนถึงสิ้นเดือนกันยายน
• สำหรับคาวาโดโกะเพื่อฉลองโมมิจิ: เปิดให้บริการเฉพาะอาหารกลางวันตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน
• ข้อมูลการติดต่อ: +81-75-861-0216
หากมีร้านอาหารแห่งหนึ่งในเกียวโตที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาหารพื้นเมืองแบบดั้งเดิม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือฮอนเคะโอวาริยะ ร้านอาหารอันเก่าแก่แห่งนี้เดิมทีก่อตั้งในปี 1465 เป็นร้านขายขนมหวาน โดยเริ่มเชี่ยวชาญในด้านเมนูโซบะเมื่อประมาณ 300 ปีก่อน ปัจจุบันนี้ อาริโกะ อินาโอกะ เจ้าของร้านรุ่นที่ 16 ยังคงพัฒนาเทคนิคการทำอาหารที่คิดค้นโดยบรรพบุรุษของเธอต่อไป
ร้านแห่งนี้อยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญยอดนิยมหลายแห่งของเกียวโต เช่น พิพิธภัณฑ์มังงะแห่งชาติเกียวโตและปราสาทนิโจ เป็นต้น ฮอนเคะโอวาริยะจึงเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการลิ้มลองบะหมี่โซบะขนานแท้ที่การันตีจากประสบการณ์อันยาวนานกว่าศตวรรษ แม้ว่าตระกูลนี้ได้เปิด ร้านอาหารโอวาริยะสาขาอื่นภายในเมือง แต่การได้ไปเยือนสาขาต้นตำรับจะเป็นการเดินทางที่น่าพึงพอใจที่สุด
วิธีเดินทางไปยังร้านอาหารฮอนเคะโอวาริยะ (สาขาหลัก): โดยสารรถไฟสายคาราซุมะหรือสายโทไซไปยังสถานีคาราซุมะ โออิโกะ แล้วจากนั้นเดินไปยังจุดหมายปลายทางประมาณ 2 นาที
• ที่อยู่: 322 Niomontsukinukecho, Nakagyo-ku, Kyoto city, Kyoto prefecture 604-0841
• เวลาทำการ: เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:00 น. ถึง 15:00 น.
• ข้อมูลการติดต่อ: +81-752-313-446
โทซุยโระเป็นหนึ่งในร้านอาหารสไตล์ไคเซกิที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกียวโต โดยมีเมนูเต้าหู้ที่จัดว่าเป็นเมนูยอดนิยมเป็นพิเศษ ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในตรอกอันทรงเสน่ห์ที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร ธุรกิจชั้นเลิศนี้จะทำให้คุณค้นพบว่าทำไมอาหารพื้นเมือง เช่น ยูบะและยูโดฟุจึงเป็นอาหารที่แสนพิเศษ
เมื่อถึงเวลาสั่งอาหารแล้ว คุณสามารถเลือกได้ตั้งแต่ชุดอาหารที่สวยงามห้าชุดที่ห่อหุ้มหัวใจสำคัญของอาหารเกียวโตเอาไว้ โดยจะมีเมนูเต้าหู้ตามฤดูกาลที่หลากหลาย บางเมนูเพิ่มอาหารทะเลจานเล็กๆ ที่หรูหราควบคู่ไปกับซาซิมิหลากหลายประเภท เพื่อสัมผัสประสบการณ์รับประทานอาหารสไตล์ไคเซกิ โทซุยโระจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์อย่างแน่นอน
วิธีเดินทางไปยังโทซุยโระ (สาขาหลัก): โดยสารสายโทไซไปยังสถานีเกียวโต ชิยาคูโชมาเอะ แล้วเดินประมาณ 5 นาทีจากทางออกทิศตะวันออก นอกจากนี้ คุณยังสามารถมุ่งหน้าไปยังสถานีซันโจโดยใช้ สายหลักเคฮัน สายโอโต หรือ สายโทไซ และข้ามแม่น้ำคาโมะ
• ที่อยู่: 517-3 Kamiosakamachi, Sanjo Agaru Kiyamachi-dori, Nakagyo-ku, Kyoto city, Kyoto prefecture 604-8001
• เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 11:30 น. ถึง 15:00 น. และ 17:00 น. ถึง 22:00 น. วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11:45 น. ถึง 15:00 น. และ 17:00 น. ถึง 21:30 น.
• ข้อมูลการติดต่อ: +81-75-251-1600
อิซูจุตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าแก่แห่งเกียวโต โดยเป็นร้านอาหารพื้นเมืองอีกหนึ่งแห่งที่ยังคงคุณค่ายาวนานเหนือกาลเวลา ร้านซูชิอันเป็นที่รักของผู้คนแห่งนี้เปิดให้บริการมานานกว่าร้อยปี จึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าร้านนี้มีบทบาทที่สำคัญต่อกรรมวิธีในการประกอบอาหารในแบบร่วมสมัยประจำเมือง
อิซูจุแห่งนี้ขึ้นชื่อในด้านซูชิปลาแมคเคอเรล โดยประกอบด้วยปลาแมคเคอเรลแผ่นหนาห่อด้วยสาหร่ายพร้อมข้าวหมักน้ำส้มสายชู เชื่อกันว่าร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านซูชิเพียงหนึ่งเดียวในเกียวโตที่ยังคงใช้เตาประกอบอาหารญี่ปุ่นแบบโบราณที่เรียกว่า โอคุโดะซัง กรรมวิธีนี้จะให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับอาหารแสนอร่อยเหนือจินตนาการอย่างแน่นอน
วิธีเดินทางไปยังอิซูจุ: เดินทางไปยังสถานีกิออน ชิโจด้วยสายหลักเคฮัน จากนั้นเดินไปทางตะวันออกแล้วจะพบกับร้านอาหารที่อยู่ตรงข้ามกับประตูทางเข้าศาลเจ้ายาซากะ
• ที่อยู่: 292-1 Gionmachi Kitagawa, Higashiyama-ku, Kyoto city, Kyoto prefecture 605-0073
• เวลาทำการ: วันศุกร์ถึงวันอังคาร ตั้งแต่เวลา 10:30 น. ถึง 18:00 น.
• ข้อมูลการติดต่อ: +81-75-561-0019
* เนื่องจากการปรับปรุงร้านอาหารที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ขณะนี้อิซูจุจึงเปิดให้บริการเฉพาะอาหารนำกลับบ้านเท่านั้น ทางเข้าจะอยู่ที่ตำแหน่งเดียวกันในตรอกซอยด้านหลัง เวลาทำการและรูปแบบการให้บริการอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
เกียวโตมีประสบการณ์รับประทานอาหารสไตล์ไคเซกิมากมายที่หลอมรวมอาหารเข้ากับศิลปะ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นการรับประทานอาหารที่ค่อนข้างเป็นทางการ ด้วยสาเหตุนี้ กิโระ กิโระ อิโตชินะจึงเป็นร้านอาหารที่ตอบโจทย์นี้ ด้วยผสมผสานอาหารแบบดั้งเดิมนี้เข้ากับบรรยากาศอันแสนผ่อนคลาย การลิ้มลองอาหารที่น่าประทับใจเหล่านี้ทำให้รู้สึกประหม่าน้อยลง
โกดังที่ได้รับการดัดแปลงนี้ตั้งอยู่ในโกโจตามแนวคลองทากาเสะ เป็นจุดที่ได้รับความนิยมในหมู่คนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่ต้องการดื่มด่ำไปกับการสร้างสรรค์อาหารสไตล์ไคเซกิอันหรูหรา ที่ร้านแห่งนี้ คุณจะได้รับเชิญให้นั่งที่เคาน์เตอร์และพูดคุยกับพ่อครัวในขณะที่พ่อครัวรวมกันรังสรรค์อาหารที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เหล่านี้ อย่างไรก็ตาม โปรดจองล่วงหน้าหลายสัปดาห์เพื่อจองคิวของคุณ
วิธีเดินทางไปยังกิโระ กิโระ อิโตชินะ: เดินทางไปยังสถานีคิโยะมิซุ โกโจด้วยสายหลักเคฮัน จากนั้นเดินไปทางเหนือไปตามแม่น้ำทากาเสะเป็นเวลา 5 นาที
• ที่อยู่: 420-7 Nambacho, Matsubarasagaru, Nishikiyamachi-dori, Shimogyo-ku, Kyoto city, Kyoto prefecture 600-8027
• เวลาทำการ (ไม่มีวันหยุดประจำ): ตั้งแต่เวลา 17:00 น. ถึง 23:00 น. (จนถึง 23:30 น. ในวันอาทิตย์)
• ข้อมูลการติดต่อ: +81-75-343-7070
หากคุณเคยเดินทางไปเกียวโตแล้ว คุณอาจใช้เวลากว่าครึ่งไปกับการเยี่ยมชมตามวัดวานิกายพุทธอันเก่าแก่ไปทั่วเมือง คุณสามารถสำรวจโลกโบราณนี้ต่อไปได้โดยการจัดให้มีการเยี่ยมชมไดโตคุจิ อิคคิว ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ให้บริการอาหารโชจินเรียวริมาเป็นเวลาช้านานกว่า 500 ปี
ณ ร้านอาหารแห่งนี้ ผู้มาเยือนจะได้นั่งภายในห้องส่วนตัวที่รายล้อมไปด้วยสวนอันเขียวชอุ่ม ซึ่งเป็นทิวทัศน์ในการรับประทานอาหารที่หาชมเชยได้ยากยิ่ง ร้านแห่งนี้ให้บริการอาหารที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลโดยมีจุดเด่นที่ผักพื้นเมืองนานาชนิด อาหารหลายชุดนี้จะนำเสนอแง่มุมที่น่าสนใจของวัฒนธรรมอาหารวิถีชาวพุทธที่มีความเก่าแก่หลายร้อยปีมาแล้ว
วิธีเดินทางไปยังไดโตคุจิ อิคคิว: โดยสารสายคาราซุมะไปยังสถานีคิตะโอจิ จากนั้นเดินไปทางตะวันตกประมาณ 15 นาทีตามถนนคิตะโอจิโดริ นอกจากนี้ คุณยังสามารถโดยสารรถบัสหมายเลข 205 หรือหมายเลข 206 ไปยังป้ายไดโตคุจิมาเอะได้
• ที่อยู่: 20 Daitokuji Shimomonzencho, Murasakino, Kita-ku, Kyoto city, Kyoto prefecture 603-8215
• เวลาทำการ (ไม่มีวันหยุดประจำ) : ร้านค้า - ตั้งแต่เวลา 9:00 น. ถึง 18:00 น. ร้านอาหาร - ตั้งแต่เวลา 12:00 น. ถึง 21:30 น. (ให้บริการรอบสุดท้ายเวลา 18:00 น.)
• การชำระเงิน: เงินสดเท่านั้น ไม่รับบัตรเครดิต
• ข้อมูลการติดต่อ: +81-75-493-0019
พร้อมที่จะสำรวจวัฒนธรรมและอาหารอันเก่าแก่ของเกียวโตแล้วหรือยัง หากคุณมาจากโตเกียว วิธีที่ง่ายที่สุดในการเยี่ยมชมคือการโดยสารเครื่องบินไปยังสนามบินนานาชาติโอซาก้า จากนั้น โดยสารรถไฟโอซาก้าโมโนเรลไปยังสถานีมินามิ อิบารากิ แล้วเปลี่ยนไปโดยสารสายฮันคิว เกียวโตไปยังเกียวโต ด้วยการเดินทางแสนสะดวกที่ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงนี้ คุณจะมาถึงและพร้อมที่จะท่องเที่ยวทันที
หากต้องการใช้บริการค่าโดยสารพิเศษใน 30 เมืองทั่วทั้งเครือข่ายภายในประเทศของ Japan Airlines อย่าลืมจองการเดินทางของคุณด้วย JAL Japan Explorer Pass บัตรนี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้สัมผัสกับที่สุดของญี่ปุ่นในราคาที่ถูกกว่า ซึ่งจะช่วยให้คุณเพิ่มจุดหมายปลายทางในแผนการเดินทางของคุณได้มากยิ่งขึ้น วางแผนการผจญภัยครั้งต่อไปของคุณวันนี้และเตรียมตัวออกเดินทาง
พื้นที่ติดทะเลของเกียวโตที่ทอดตัวอยู่ตามแนวทางตอนเหนือของญี่ปุ่นนั้นคือสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับโรงหมักสาเกโบราณนับไม่ถ้วน
สัมผัสสวนอันเงียบสงบต่าง ๆ ของวัดเคนนินจิ, วัดเรียวอันจิ และวัดชิเซนโด วัดเรียวอันจินั้นเป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก 17 แห่งในประเทศญี่ปุ่น
เกียวโตมีอะไรหลายอย่างให้สำรวจสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยตามรอบนอกของเมืองด้วยการวางแผนเดินเท้าช่วงกลางวันอันน่าอภิรมย์ผ่านผืนป่าของภูเขาคุรามะ
แบ่งปัน
แบ่งปัน