คุณกำลังวางแผนเดินทางไปญี่ปุ่นใช่ไหม ค้นหาว่าควรตั้งงบประมาณไปญี่ปุ่นเท่าใดเพื่อให้คุณสามารถติดตามค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทางได้
สารบัญ
เหตุใดการคำนวณงบประมาณในการเดินทางจึงสำคัญ
เดินทางไปญี่ปุ่นมีค่าใช้จ่ายเท่าใด
วิธีกำหนดงบประมาณสำหรับการเดินทางไปญี่ปุ่น
เคล็ดลับการกำหนดงบประมาณในการเที่ยวญี่ปุ่น
คุณต้องกำหนดงบประมาณสำหรับตัวคุณเอง และยึดตามนั้นเมื่อออกเดินทาง หากคุณทำเช่นนี้ คุณก็จะไม่เสี่ยงต่อการใช้จ่ายเกินงบขณะเดินทาง คุณไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพราะได้เตรียมพร้อมสำหรับทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นแล้ว
เมื่อสร้างงบประมาณการเดินทางไปญี่ปุ่น จะต้องคำนึงถึงค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าความบันเทิง และอื่นๆ
ค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวบินไปญี่ปุ่นจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณมาจากที่ใดและปลายทางที่บินไป ด้านล่างนี้คือค่าใช้จ่ายไปกลับบางส่วนโดยประมาณจากเมืองใหญ่ๆ บางแห่งทั่วโลกที่ JAL มีเที่ยวบิน
จากลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกาถึง:
• โตเกียว: เริ่มต้นที่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ
• โอซาก้า: เริ่มต้นที่ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ
• นาโกย่า: เริ่มต้นที่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐ
• ฮิโรชิมะ: เริ่มต้นที่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐ
• ฟุกุโอกะ: เริ่มต้นที่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐ
• ซัปโปโร: เริ่มต้นที่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐ
จากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาถึง:
• โตเกียว: เริ่มต้นที่ 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ
• โอซาก้า: เริ่มต้นที่ 2,700 ดอลลาร์สหรัฐ
• นาโกย่า: เริ่มต้นที่ 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ
• ฮิโรชิมะ: เริ่มต้นที่ 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ
• ฟุกุโอกะ: เริ่มต้นที่ 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ
• ซัปโปโร: เริ่มต้นที่ 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ
จากลอนดอน สหราชอาณาจักรถึง:
• โตเกียว: เริ่มต้นที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐ
• โอซาก้า: เริ่มต้นที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐ
• นาโกย่า: เริ่มต้นที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ
• ฮิโรชิมะ: เริ่มต้นที่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐ
• ฟุกุโอกะ: เริ่มต้นที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐ
• ซัปโปโร: เริ่มต้นที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ
จากฮ่องกงถึง:
• โตเกียว: เริ่มต้นที่ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ
• โอซาก้า: เริ่มต้นที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ
• นาโกย่า: เริ่มต้นที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ
• ฮิโรชิมะ: เริ่มต้นที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ
• ฟุกุโอกะ: เริ่มต้นที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ
• ซัปโปโร: เริ่มต้นที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ
จากสิงคโปร์ถึง:
• โตเกียว: เริ่มต้นที่ 880 ดอลลาร์สหรัฐ
• โอซาก้า: เริ่มต้นที่ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ
• นาโกย่า: เริ่มต้นที่ 900 ดอลลาร์สหรัฐ
• ฮิโรชิมะ: เริ่มต้นที่ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ
• ฟุกุโอกะ: เริ่มต้นที่ 900 ดอลลาร์สหรัฐ
• ซัปโปโร: เริ่มต้นที่ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ
จากซิดนีย์ ออสเตรเลียถึง:
• โตเกียว: เริ่มต้นที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ
• โอซาก้า: เริ่มต้นที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ
• นาโกย่า: เริ่มต้นที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ
• ฮิโรชิมะ: เริ่มต้นที่ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ
• ฟุกุโอกะ: เริ่มต้นที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ
• ซัปโปโร: เริ่มต้นที่ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ
คุณต้องการพักที่ไหนเมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น ที่พักพร้อมกับอาหารของคุณจะใช้งบประมาณของคุณมากที่สุด
หากคุณวางแผนที่จะเข้าพักในโรงแรมสไตล์ตะวันตกสี่หรือห้าดาวในใจกลางเมือง จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 150 ถึง 350 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืนสำหรับห้องเดี่ยว หรือคุณสามารถพักที่เรียวกังได้ในราคาประมาณ 100 ถึง 220 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อคืน (รวมอาหาร 2 มื้อ)
คุณสามารถหาตัวเลือกห้องพักราคาไม่แพงได้ในโรงแรมธุรกิจ ที่พักพร้อมอาหารเช้า และที่พักในเขตชานเมือง ที่พักเช่นนี้โดยทั่วไปมีค่าใช้จ่ายประมาณ 50 ถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐ
หากคุณกำลังเดินทางด้วยงบประมาณที่จำกัด คุณสามารถพักในหอพักและโฮสเทลได้เสมอ ซึ่งสามารถค้นหาได้ในสถานที่ต่างๆ ทั่วญี่ปุ่น โดยมีราคาประมาณ 20 ถึง 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืนต่อคน
ญี่ปุ่นมีระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งในใจกลางเมือง คุณสามารถโดยสารรถประจำทางหรือรถไฟไปยังห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ง่ายๆ สำหรับเส้นทางที่ห่างไกลและพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง คุณอาจเลือกการเช่ารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีบริการรถแท็กซี่และบริการเรียกรถ
หากคุณวางแผนที่จะใช้บริการขนส่งสาธารณะบ่อยๆ ให้พิจารณาซื้อบัตร IC เนื่องจากสามารถใช้ซ้ำได้ เพียงแค่เติมเงินก็พร้อมใช้งานแล้ว นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้บัตร IC ได้ในร้านสะดวกซื้อ ตู้ขายของอัตโนมัติ และร้านอาหารบางแห่งได้อีกด้วย
บัตร IC ที่ได้รับความนิยมสูงสุดมีดังต่อไปนี้:
• SUICA - ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงรถไฟ รถไฟใต้ดิน โมโนเรล และรถบัสในภูมิภาคคันโต (เช่น โตเกียว คานางาวะ ฯลฯ) บัตรราคา 7 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมี 4 ดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินมัดจำที่สามารถขอคืนได้
• PASMO - มีให้บริการสำหรับระบบขนส่งทางรถไฟที่ไม่ใช่ของญี่ปุ่นในโตเกียว บัตรราคา 4 ดอลลาร์สหรัฐ (โดยประมาณอ่างอิงจาก 500 เยน) และไม่สามารถคืนเงินได้ รวมไปถึงเงินเพิ่มเติมที่คุณเติมเข้ามา
• ICOCA (ให้บริการโดย JR West) - บริการรถไฟในฮิโรชิมะ เกียวโต โอซาก้า และโอคายามะ บัตรราคา 14 ดอลลาร์สหรัฐพร้อมด้วยเงินมัดจำที่สามารถคืนเงินได้ 4 ดอลลาร์สหรัฐ
Japan Rail Pass (เรียกอีกอย่างว่า JR Pass) เป็นวิธีการเดินทางระยะไกลด้วยรถไฟในญี่ปุ่นที่คุ้มค่า ใช้สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้นและให้บริการโดยสารรถไฟ JR ได้ไม่จำกัดเป็นเวลา 7 วันถึง 3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรที่คุณซื้อ คุณสามารถใช้บัตรธรรมดาหรือบัตรโดยสาร Green Car ได้ บัตรโดยสาร Green Car เดินทางด้วยรถสีเขียวของ JR (รถชั้นเฟิร์สคลาส) ซึ่งที่นั่งจะกว้างกว่ารถทั่วไป
หากคุณอยู่ในญี่ปุ่น 2-3 วันหรือหลายสัปดาห์ ให้พิจารณาซื้อบัตรโดยสาร Japan Rail Pass หรือบัตรโดยสารประจำภูมิภาค (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากวางแผนจะไปเที่ยวต่างจังหวัด) นักท่องเที่ยวมักซื้อทั้งบัตร IC และบัตรโดยสาร JR Pass เพื่อเดินทางข้ามภูมิภาคต่างๆ ในญี่ปุ่นได้อย่างง่ายดาย
คุณสามารถซื้อบัตร JR Pass ได้ง่ายๆ จากสำนักงานขายหรือตัวแทนที่กำหนด อัตราอาจมีความผันผวน ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน
ค่าใช้จ่ายสำหรับบัตรโดยสาร JR Pass แบบ 7 วันติดต่อกัน:
• บัตรโดยสารแบบธรรมดา:
- ผู้ใหญ่: 210 ดอลลาร์สหรัฐ
- เด็ก: 110 ดอลลาร์สหรัฐ
• บัตรโดยสาร Green Car:
- ผู้ใหญ่: 280 ดอลลาร์สหรัฐ
- เด็ก: 140 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าใช้จ่ายสำหรับบัตรโดยสาร JR Pass แบบ 14 วันติดต่อกัน:
• บัตรโดยสารแบบธรรมดา:
- ผู้ใหญ่: 340 ดอลลาร์สหรัฐ
- เด็ก: 170 ดอลลาร์สหรัฐ
• บัตรโดยสาร Green Car:
- ผู้ใหญ่: 460 ดอลลาร์สหรัฐ
- เด็ก: 230 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าใช้จ่ายสำหรับบัตรโดยสาร JR Pass แบบ 21 วันติดต่อกัน:
• บัตรโดยสารแบบธรรมดา:
- ผู้ใหญ่: 430 ดอลลาร์สหรัฐ
- เด็ก: 220 ดอลลาร์สหรัฐ
• บัตรโดยสาร Green Car:
- ผู้ใหญ่: 590 ดอลลาร์สหรัฐ
- เด็ก: 300 ดอลลาร์สหรัฐ
เซชุน จูฮาจิ คิปปุ (青春18きっぷ) ซึ่งแปลว่า "บัตรโดยสารวัยรุ่น 18" เป็นบัตรโดยสารพิเศษที่ให้คุณเดินทางทั่วประเทศได้ไม่จำกัดเป็นเวลา 5 วันด้วยรถไฟท้องถิ่นและรถไฟด่วนของ JR มีค่าใช้จ่ายประมาณ 90 เหรียญสหรัฐ และสามารถใช้ได้ทุกคนทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือชาวญี่ปุ่นในท้องถิ่นและผู้อยู่อาศัยชาวต่างชาติ โดยมีให้บริการเพียง 3 ครั้งต่อปีในวันต่อไปนี้:
• ฤดูใบไม้ผลิ (1 มีนาคมถึง 10 เมษายน)
• ฤดูร้อน (20 กรกฎาคมถึง 10 กันยายน)
• ฤดูหนาว (10 ธันวาคม ถึง 10 มกราคม)
หากคุณกำลังเดินทางในช่วงวันดังกล่าว คุณอาจต้องการพิจารณาซื้อบัตรโดยสารพิเศษนี้
โดยทั่วไป แท็กซี่จะมีค่าโดยสารพื้นฐานประมาณ 5 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับ 2 กิโลเมตรแรก ค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับทุกๆ 300 ถึง 400 เมตรที่เดินทาง ในช่วงกลางคืน อัตราค่าโดยสารมักจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% (โดยปกติจะเป็นช่วงดึกตั้งแต่ 22:00 น. ถึง 5:00 น.)
แอปเรียกรถ เช่น JapanTaxi และ Uber มีตัวเลือกการเดินทางอื่นๆ ให้คุณ แม้ว่าราคาอาจแพงกว่าแท็กซี่ทั่วไปก็ตาม
หากคุณกำลังเดินทางกับกลุ่มเพื่อนหรือวางแผนที่จะไปยังสถานที่ที่เข้าถึงได้ยากโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ คุณอาจต้องการเช่ารถและขับรถเพื่อเดินทางเอง ค่าธรรมเนียมทั่วไปสำหรับการเช่า 24 ชั่วโมงมีดังนี้:
• รถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก - 40 ดอลลาร์สหรัฐ
• รถยนต์นั่งขนาดเล็ก - 60 ดอลลาร์สหรัฐ
• รถยนต์นั่งขนาดกลาง - 75 ดอลลาร์สหรัฐ
• รถยนต์นั่งขนาดใหญ่ - 120 ดอลลาร์สหรัฐ
• รถตู้ - 145 ดอลลาร์สหรัฐ
โปรดทราบว่าคุณจะต้องจ่ายค่าน้ำมันและค่าผ่านทางเอง หากคุณเดินทางในช่วงฤดูท่องเที่ยว คุณจะพบว่าอัตราราคาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฮอกไกโด
หากคุณเข้าพักในโรงแรมหรือต้องการรับประทานอาหารเช้าแบบหรูหรา คุณอาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 7 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อาหารเช้าในโรงแรมระดับเฟิร์สคลาสอาจมีราคาสูงถึง25 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกรับประทานชุดอาหารเช้าในร้านกาแฟและร้านอาหาร ซึ่งมีราคาประมาณ 5 ถึง 7 ดอลลาร์สหรัฐได้อีกด้วย หากคุณกำลังเดินทางแบบประหยัด คุณจะสามารถหาอาหารบางอย่างในราคาเพียง 4 ดอลลาร์สหรัฐในร้านสะดวกซื้อหรือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดได้
อาหารกลางวันและอาหารเย็นที่ร้านอาหารหรูในใจกลางเมืองมีราคาประมาณ 11 ถึง 18 ดอลลาร์สหรัฐ คุณสามารถหาตัวเลือกที่ประหยัดกว่าได้ที่ร้านอาหารราคาไม่แพง ซึ่งมีราคาประมาณ 6 ถึง 11 ดอลลาร์สหรัฐ หากคุณมีงบจำกัด ร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดมีกล่องอาหารกลางวันในราคาเพียง 4 ถึง 7 ดอลลาร์สหรัฐ
มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่คุณควรเยี่ยมชมเมื่อไปญี่ปุ่น คุณจะพบบางสิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวทุกประเภท ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ ไปจนถึงศาลเจ้าและวัด สวนเซน สวนสนุก และอื่นๆ อีกมากมาย
พิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวมีค่าใช้จ่ายประมาณ 7 ถึง 22 ดอลลาร์สหรัฐ โดยที่พื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาบ่อยๆ บางครั้งก็มีราคาสูงกว่านั้น สวนสนุกมีค่าใช้จ่ายประมาณ 36 ถึง 64 ดอลลาร์สหรัฐ ออนเซ็นบางแห่งคิดค่าบริการสูงถึง 14 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน แต่คุณอาจพบออนเซ็นที่ดีในราคา 3 ถึง 6 ดอลลาร์สหรัฐ
หากคุณไม่อยากต่อแถวยาวๆ และไม่ต้องการราคาที่ สามารถเลือกเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และปราสาทราคาไม่แพงอื่นๆ ได้ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3 ถึง 8 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน นักท่องเที่ยวที่มีงบจำกัดอาจลองค้นหาตัวเลือกอื่นๆ เนื่องจากศาลเจ้าและวัดส่วนใหญ่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเยี่ยมชม คุณยังสามารถตรวจสอบกับพิพิธภัณฑ์ได้ เนื่องจากพิพิธภัณฑ์บางแห่งไม่มีการเก็บค่าเข้าชมในวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์หรือเดือนนั้นๆ
มีหลายๆ สิ่งที่ต้องเตรียมล่วงหน้าก่อนที่คุณจะออกไปท่องเที่ยว หากคุณจริงจังกับการกำหนดงบประมาณก่อนการเดินทาง คุณจะต้องหาข้อมูลล่วงหน้าจำนวนมาก
แม้ในขณะที่คุณเริ่มวางแผนการเดินทาง ก็ควรหาข้อมูลสถานที่ที่คุณต้องการไป สถานที่เหล่านั้นต้องจ่ายค่าเข้าชมหรือไม่ สถานที่เหล่านั้นออกนอกเส้นทางและอาจต้องนั่งแท็กซี่แทนรถประจำทางหรือรถไฟหรือไม่ คุณกำลังวางแผนที่จะเช่ารถเพื่อเข้าถึงสถานที่ที่ยากต่อการเข้าถึงหรือไม่ หากคุณวางแผนการเดินทางอย่างรอบคอบ คุณจะทราบได้ว่าคุณต้องจ่ายเงินที่ไหนบ้าง เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเสียเงินไปกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
แทนที่จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตา การร่างแผนว่าจะไปที่ใดและมีค่าใช้จ่ายเท่าไรนั้นเป็นสิ่งที่ดี กำหนดจำนวนสูงสุดสำหรับจำนวนเงินที่คุณยินดีจ่ายและใช้จ่ายตามงบประมาณนั้น นั่นอาจหมายถึงการละทิ้งโอกาสในการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ แต่มีสถานที่ให้เที่ยวชมอีกมากมายที่จะช่วยให้คุณประหยัดได้
การเพิ่มจำนวนเงินสำรองสักเล็กน้อยเมื่อวางแผนงบประมาณก็เป็นเรื่องที่ดี หาข้อมูลล่วงหน้าเพื่อให้ทราบถึงค่าใช้จ่ายของทุกอย่าง เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนอย่างต่อเนื่องคุณอาจต้องการเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยรวมของคุณ นอกจากนี้ยังเป็นการดีที่จะตั้งสำรองเงินไว้เป็นกองทุนฉุกเฉินและตัดสินใจที่จะไม่ใช้จนกว่าจะจำเป็น
เมื่อคุณวางแผนเดินทางไปญี่ปุ่น ต่อไปนี้คือเคล็ดลับในการจัดทำงบประมาณที่ควรพิจารณา:
คนส่วนใหญ่เดินทางในช่วงฤดูซากุระบาน (ต้นเดือนเมษายน) และฤดูใบไม้ร่วง (กลางเดือนพฤศจิกายน) ดังนั้นคุณอาจต้องการหลีกเลี่ยงการบินในช่วงดังกล่าว มองหาฤดูกาลท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ใกล้กับวันหยุดท้องถิ่นในญี่ปุ่น เช่น โกลเด้นวีค (ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม)
หากคุณสามารถหลีกเลี่ยงช่วงวันดังกล่าวได้ คุณจะพบว่าสามารถประหยัดค่าบัตรโดยสารเครื่องบินและที่พักได้อย่างมาก คุณยังจะได้สัมผัสกับสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านน้อยลงและเพลิดเพลินกับการเยี่ยมชมได้มากขึ้น
บางแพ็คเกจทัวร์รวมบัตรโดยสารเครื่องบิน ที่พัก และทัวร์ไว้ในราคาพิเศษ ใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้เพราะจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายและกำหนดแผนการเดินทางให้คุณได้ คุณจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ JAL ขอนำเสนอแพ็คเกจพักผ่อนที่ให้คุณจองห้องพักพร้อมเที่ยวบินได้ นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาและจองกิจกรรมบางอย่างพร้อมกับเที่ยวบินและที่พักของคุณได้
บางสายการบินมีส่วนลดพิเศษให้คุณได้เดินทางทั่วประเทศในราคาพิเศษ บัตรผ่านพิเศษและบัตรโดยสารเครื่องบินทำให้คุณไปถึงจุดหมายปลายทางที่ห่างไกลได้ในราคาที่ถูกกว่าการนั่งรถไฟชินคันเซ็น ตัวอย่างเช่น Japan Airlines มี JAL Japan Explorer Pass ที่ให้คุณเข้าถึงค่าโดยสารพิเศษได้ทั่วประเทศ
หากคุณพำนักอยู่ในญี่ปุ่นประมาณ 3 สัปดาห์ งบประมาณเฉลี่ยสำหรับการเดินทางในญี่ปุ่นอาจมีลักษณะดังนี้:
• บัตรโดยสารเครื่องบินไปกลับ: 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ
• ที่พัก (ห้องเดี่ยว): 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อคืน x 21 คืน = 1,260 ดอลลาร์สหรัฐ
• การเดินทาง:
- บัตรโดยสาร JR Ordinary Pass 21 วัน: 430 ดอลลาร์สหรัฐ
- บัตร IC (ค่าบัตรพื้นฐานและค่าขนส่งรายวัน): 70 ดอลลาร์สหรัฐ
อาหาร (สำหรับ 1 คน): 27 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน x 21 วัน = 567 ดอลลาร์สหรัฐ
• ความบันเทิงและการท่องเที่ยว: 7 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน x 21 วัน = 147 ดอลลาร์สหรัฐ
• กองทุนฉุกเฉิน: 100 ดอลลาร์สหรัฐ
งบทั้งหมดสำหรับบุคคลเดียวเป็นเวลา 3 สัปดาห์: 4,074 ดอลลาร์สหรัฐ
ก่อนที่คุณจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ควรมีแผนที่ชัดเจนในหัวก่อน เริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลว่าต้องการไปที่ใด คำนวณค่าใช้จ่ายที่เป็นไปได้และกำหนดงบสำหรับการเดินทางไปญี่ปุ่นของคุณ
เที่ยวชมญี่ปุ่นวันนี้ผ่าน JAL Japan Explorer Pass
เคล็ดลับเด็ด ๆ จาก JAL ในการใช้เงินอย่างชาญฉลาดในญี่ปุ่น เพื่อให้คุณสัมผัสประสบการณ์อันน่าจดจำได้ในงบประมาณที่ตั้งไว้
สำรวจอัญมณีที่ซ่อนอยู่และเส้นทางลับต่าง ๆ ของญี่ปุ่นได้เมื่อคุณเช่ารถ ต่อไปนี้คือคู่มือในการขับรถไปรอบ ๆ เกาะของดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้
คุณจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตขณะที่มาเที่ยวญี่ปุ่นรึเปล่า เราจะแนะนำตัวเลือกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและการใช้โทรศัพท์มือถือต่าง ๆ ในญี่ปุ่นให้คุณเอง
แบ่งปัน
แบ่งปัน