ดัชนี
คู่มืออย่างง่ายสำหรับระบบขนส่งมวลชนในญี่ปุ่น
วางแผนออกไปสำรวจเมืองต่าง ๆ ของญี่ปุ่นอยู่รึเปล่า ลองดูคู่มืออย่างง่ายสำหรับระบบขนส่งมวลชนในญี่ปุ่นนี้เพื่อวางแผนการเดินทางสำหรับทริปของคุณ
หนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการสำรวจญี่ปุ่นก็คือการเช่ารถและขับไปไหนมาไหนด้วยตัวคุณเอง แม้ว่าจะมีการเดินทางมากมายหลายประเภทให้เลือกใช้บริการ เช่น รถไฟ รถโดยสาร และแท็กซี่ แต่ก็ยังมีอัญมณีที่ซ่อนอยู่และเส้นทางลับต่าง ๆ ที่ระบบขนส่งมวลชนเข้าไม่ถึง ยิ่งไปกว่านั้น การขับรถยังช่วยให้คุณมีความสะดวกในการกำหนดแผนการเดินทางของคุณเอง และแม้แต่หยุดแวะพักตามรายทางได้เพื่อสัมผัสบรรยากาศของดินแดนอาทิตย์อุทัย
ก่อนที่จะมองหารถเช่า คุณจำเป็นต้องทราบถึงระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ สำหรับการขับรถในญี่ปุ่นเสียก่อน อันดับแรก คุณจำเป็นต้องมีอายุอย่างน้อย 18 ปี ซึ่งเป็นอายุที่สามารถขับรถในญี่ปุ่นได้ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ คุณจะยังต้องมีใบขับขี่สากล (IDP) ในประเทศที่คุณพำนักอาศัยอยู่ ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถออก IDP ให้ได้ ดังนั้น คุณจำเป็นต้องได้รับใบขับขี่ดังกล่าวก่อนที่จะเดินทางมายังญี่ปุ่น ใบขับขี่ธรรมดาที่ประเทศของคุณออกให้นั้นไม่สามารถใช้ได้ และบริษัทเช่ารถก็จะไม่ยอมให้คุณเช่ารถนอกเสียจากว่าคุณจะมี IDP
ในขณะที่วางแผนทริปของคุณอยู่นั้น ให้คุณลองทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎจราจรต่าง ๆ ของญี่ปุ่นดู โดยทั่วไปแล้ว ป้ายสัญญาณกับกฎจราจรนั้นเป็นไปตามมาตรฐานสากล แต่จะดีกว่าหากเรียนรู้ตั้งแต่เรื่องพื้นฐาน เพื่อที่คุณจะได้ไม่ลืม คุณสามารถค้นหาดูกฎจราจรของญี่ปุ่นและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ ได้ที่สหพันธ์รถยนต์ประเทศญี่ปุ่น (Japan Automobile Federation (JAF)) ได้ให้ข้อมูลไว้
คุณจะสามารถเลือกประเภทและรุ่นของรถยนต์ได้ผ่านบริษัทเช่ารถของคุณ ซึ่งมักจะมีให้เลือกในประเภทดังต่อไปนี้ ได้แก่ รุ่นประหยัด มาตรฐาน สปอร์ต เอสยูวี และมินิแวน
โปรดทราบว่าถนนในญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างแคบกว่ามาก และลานจอดรถนั้นก็อาจจะมีความแออัดกว่าในประเทศของคุณ ซึ่งการเช่ารถขนาดเล็กนั้นอาจจะเป็นการดีกว่า
บริษัทรถเช่าส่วนใหญ่จะเสนอตัวเลือกการเช่ารถแบบรับและคืนรถในสถานที่เดียวกันให้คุณ แต่บริษัทรถเช่าอื่น ๆ ยังอนุญาตให้คุณเช่ารถแบบเที่ยวเดียว และคืนรถที่สาขาอื่นได้
โปรดทราบว่ามักมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเมื่อคุณคืนรถให้กับสาขาอื่นที่คุณไม่ได้ทำการรับรถ หากคุณกำลังพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายและวางแผนเดินทางกลับประเทศด้วยสถานที่เดียวกันกับที่คุณเดินทางมาถึง จะเป็นการดีที่สุดในการคืนรถด้วยตัวคุณเอง
หากคุณวางแผนที่จะเดินทางไปพร้อมกับเด็ก ๆ คุณสามารถระบุได้ว่าต้องการคาร์ซีท ซึ่งผู้ให้บริการรถเช่าส่วนใหญ่ก็จะสามารถให้บริการได้ตามความต้องการ จะเป็นการดีที่สุดในการทำการจองแบบนี้กับแพลตฟอร์มออนไลน์ของบริษัทรถเช่า เพื่อให้พวกเขาสามารถเตรียมคาร์ซีทไว้ให้พร้อมใช้งานได้เลยขณะที่คุณมารับรถ
รถยนต์ส่วนใหญ่นั้นมาพร้อมกับอุปกรณ์ GPS แบบหลายภาษา หรือไม่คุณก็สามารถเช่าอุปกรณ์ดังกล่าวได้ด้วยค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย การมีอุปกรณ์แบบนี้ไว้ในรถจะทำให้คุณไม่ต้องวุ่นไปกับการกางแผนที่ออกมาดูหรือวางแผนเส้นทางใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องขับรถไปตามชนบท ซึ่งคุณไม่คุ้นเคยกับถนนและเส้นทางต่าง ๆ
เครือข่ายไฮเวย์และทางด่วนของญี่ปุ่นนั้นมักมีการเรียกเก็บค่าผ่านทางเป็นส่วนใหญ่ คุณสามารถชำระค่าผ่านทางนี้ได้สองแบบ ซึ่งก็คือการหยิบตั๋วกระดาษและจ่ายค่าผ่านทางด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิต หรือด้วยการใช้เครื่องอ่าน ETC (การเก็บค่าผ่านทางแบบอิเล็กทรอนิกส์)
โดยทั่วไปแล้ว บริษัทรถเช่าจะเสนอเครื่องอ่าน ETC ให้คุณพร้อมกับรถเช่าของคุณ ซึ่งคุณต้องจ่ายค่าผ่านทางเฉพาะตอนที่คุณนำรถมาคืนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทรถเช่าบางแห่งจะคิดค่าบริการเล็กน้อยสำหรับการใช้อุปกรณ์ ETC
ข้อดีอย่างหนึ่งของการใช้ ETC ก็คือคุณไม่จำเป็นต้องหยุดรถเมื่อผ่านด่านเก็บค่าผ่านทาง ที่คุณต้องทำก็คือชะลอความเร็วรถลงจนด่านสามารถอ่านสัญญาณ ETC ได้ ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือบริษัทเก็บค่าผ่านทางมักให้ส่วนลดการเก็บค่าผ่านทางเล็กน้อยสำหรับผู้ใช้ ETC แต่หากคุณอยากชำระค่าผ่านทางเมื่อคุณใช้บริการ โปรดทราบว่าด่านเก็บค่าผ่านทางบางแห่งนั้นไม่สามารถรับบัตรเครดิตได้ ด่านเก็บค่าผ่านทางบางแห่งทั้งในโตเกียวและในภูมิภาคต่าง ๆ นั้นรับเฉพาะเงินสดเท่านั้น เพราะฉะนั้น คุณควรพกเงินเยนติดตัวไว้ให้เป็นนิสัยอยู่เสมอ
ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ ETC หรือไม่ก็ตาม โปรดทราบว่าด่านเก็บค่าผ่านทางนั้นแบ่งประเภทตามรูปแบบการชำระเงิน คุณมักจะได้เห็นทางเข้าด่านสามเลนดังต่อไปนี้:
• 一般 (ป้ายสีเขียว) – นี่คือเลน “ทั่วไป” สำหรับใครก็ตามที่ไม่ได้ใช้เครื่องอ่าน ETC ซึ่งต้องทำการชำระเงินด้วยเงินสดเท่านั้น (ด่านเก็บค่าผ่านทางหลายแห่งนั้นสามารถรับบัตรเครดิตได้แล้วในปัจจุบัน)
• ETC/ 一般 (ป้ายสีม่วงและเขียว) – ทุกคนสามารถใช้เลนนี้ ไม่ว่าจะใช้เครื่องอ่าน ETC หรือไม่ก็ตาม รถยนต์ที่มี ETC สามารถผ่านได้โดยไม่ต้องหยุด ในขณะที่รถคันอื่น ๆ นั้นจะต้องหยุดเพื่อทำการชำระเงิน
• ETC専用 (ป้ายสีม่วง) – เลนนี้สามารถใช้ได้เฉพาะเมื่อคุณมีเครื่องอ่าน ETC เท่านั้น
หากคุณได้จองรถเช่าไว้แล้ว ที่คุณต้องทำก็คือแสดงหมายเลขการของคุณและเอกสารที่จำเป็นเมื่อคุณมาถึงสำนักงานรถเช่า ซึ่งเอกสารเหล่านั้นประกอบไปด้วยใบขับขี่, IDP, หนังสือเดินทาง และเอกสารอื่น ๆ ที่อาจจำเป็น หากคุณยังไม่ได้ทำการจอง พนักงานจะเสนอรายการตัวเลือกรถยนต์และราคาให้คุณ
ก่อนที่คุณจะได้ออกสำรวจญี่ปุ่น พนักงานบริษัทรถเช่าจะพาคุณเดินดูรอบ ๆ รถยนต์ของคุณ ให้ตรวจดูว่ามีรอยบุบหรือรอยขูดขีดใด ๆ อยู่แล้วหรือไม่ เพื่อให้พนักงานของบริษัทได้จดบันทึกเอาไว้ เพราะคุณคงไม่อยากโดนเรียกเก็บเงินในภายหลังสำหรับความเสียหายที่คุณไม่ได้ก่อเป็นแน่แท้
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใช้การขับขี่บนถนนฝั่งซ้าย ซึ่งอาจเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับคุณหากคุณมาจากประเทศที่มีการขับขี่บนถนนฝั่งขวา ลองใช้เวลาสักครู่เพื่อให้คุณปรับความคุ้นเคยให้เข้ากับรถที่คุณเช่ามาได้
อย่าลืมใส่ใจไปกับสัญญาณไฟจราจร ในญี่ปุ่นนั้น ไฟแดงหมายถึงให้หยุด คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เลี้ยวไปยังทิศทางใด ๆ แม้ว่าจะไม่มีการจราจรบนถนนที่คุณกำลังจะเลี้ยวก็ตาม เพราะฉะนั้น ให้รอไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวเสียก่อนที่คุณจะเลี้ยว
ในญี่ปุ่นนั้นมีปั๊มน้ำมันสองแบบ ซึ่งก็คือปั๊มน้ำมันที่ให้บริการเต็มรูปแบบที่จะมีพนักงานคอยเติมน้ำมันให้คุณ และปั๊มแบบบริการตัวเองที่คุณต้องเติมน้ำมันเอง คุณสามารถระบุได้ว่าปั๊มน้ำมันนั้นเป็นแบบไหนจากป้ายด้านหน้า ดังนั้น จึงเป็นการดีที่คุณจะทำความคุ้นเคยกับป้ายภาษาญี่ปุ่นดังต่อไปนี้:
• フルサービス - บริการเต็มรูปแบบ
• セルフ - บริการตนเอง
ส่วนใหญ่แล้ว คุณจะได้เจอปั๊มน้ำมันตามไฮเวย์กับทางด่วน ทั้งตรงบริเวณใกล้กับทางเข้าและตามส่วนที่เหลือของเส้นทาง ให้ลองมองหาไอคอนปั๊มน้ำมันหรือจุดแวะพักข้างทางไฮเวย์ที่มีสัญลักษณ์ PA (จุดจอดรถ) หรือ SA (จุดให้บริการ) จุดจอดรถส่วนใหญ่นั้นคือสถานที่สำหรับจอดรถแวะพัก เข้าห้องน้ำ และหาเครื่องดื่มจากตู้หยอดเหรียญ จุดให้บริการนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า ซึ่งรวมไปถึงร้านอาหารและปั๊มน้ำมัน
นอกจากนี้ คุณยังจะได้พบกับปั๊มน้ำมันมากมายตามถนนสายหลักต่าง ๆ ในบริเวณตัวเมือง ชานเมือง และตามชนบท ปกติแล้วคุณสามารถค้นหาปั๊มเหล่านี้ได้ในระบบนำทางของรถยนต์ หรือจากแอปอย่าง Google Maps (หมายเหตุ: คุณจำเป็นต้องจอดรถให้ถูกต้องตามกฎจราจร หากคุณเป็นคนขับรถแล้วต้องการที่จะใช้โทรศัพท์) พึงระลึกไว้เสมอว่าปั๊มน้ำมันทุกแห่งนั้นไม่ได้เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปั๊มน้ำมันที่อยู่ในเขตชนบท หมั่นเติมน้ำมันไว้เป็นประจำและอย่าให้น้ำมันหมดถังโดยบังเอิญ
อย่าลืมเติมน้ำมันให้เต็มถังเมื่อคุณนำรถมาคืน เนื่องจากเป็นสิ่งหนึ่งที่พนักงานจะตรวจดู หากคุณลืมเติมน้ำมันแล้วนำรถไปคืน บริษัทจะคำนวณปริมาณน้ำมันที่จำเป็นต้องเติมโดยอิงตามจำนวนกิโลเมตรที่คุณได้ขับมา ซึ่งจะคิดค่าธรรมเนียมในอัตราที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับการไปเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันเอง บริษัทจะยังตรวจดูรถทั้งคันเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความเสียหายใด ๆ หากคุณมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ อย่างค่าผ่านทาง ETC ค่าธรรมเนียมเหล่านั้นจะได้รับการรวมยอดเมื่อคุณนำรถมาคืน
หากคุณเที่ยวตามเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นเป็นหลัก ซึ่งมีตัวเลือกการขนส่งมวลชนต่าง ๆ ไว้ให้บริการ คุณไม่ควรเช่ารถเนื่องจากการจราจรนั้นจะค่อนข้างติดขัด อย่างไรก็ตาม หากคุณวางแผนที่จะออกสำรวจพื้นที่ชนบทหรือเดินทางเป็นหมู่คณะขนาดใหญ่แล้วล่ะก็ การเช่ารถนั้นอาจเป็นทางเลือกที่สะดวกกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณวางแผนที่จะไปตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ระบบขนส่งมวลชนเข้าไม่ถึง
มีหลายสิ่งหลายอย่างให้ดูและทำในญี่ปุ่น ไม่ว่าคุณจะท่องไปตามจุดหมายปลายทางที่มีชื่อเสียงหรือไปตามเส้นทางที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักต่าง ๆ ด้วยตัวคุณเองก็ตาม
ชมสถานที่เหล่านั้นด้วยตัวคุณเอง ออกสำรวจญี่ปุ่นเลย
วางแผนออกไปสำรวจเมืองต่าง ๆ ของญี่ปุ่นอยู่รึเปล่า ลองดูคู่มืออย่างง่ายสำหรับระบบขนส่งมวลชนในญี่ปุ่นนี้เพื่อวางแผนการเดินทางสำหรับทริปของคุณ
เคล็ดลับเด็ด ๆ จาก JAL ในการใช้เงินอย่างชาญฉลาดในญี่ปุ่น เพื่อให้คุณสัมผัสประสบการณ์อันน่าจดจำได้ในงบประมาณที่ตั้งไว้
คุณจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตขณะที่มาเที่ยวญี่ปุ่นรึเปล่า เราจะแนะนำตัวเลือกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและการใช้โทรศัพท์มือถือต่าง ๆ ในญี่ปุ่นให้คุณเอง
แบ่งปัน
แบ่งปัน